แชร์

“ศรัทธา” บันไดขั้นแรกของการอธิษฐานขออะไรก็สำเร็จ

อัพเดทล่าสุด: 5 ก.พ. 2024
461 ผู้เข้าชม

ศรัทธา บันไดขั้นแรกของการอธิษฐานขออะไรก็สำเร็จ

อธิษฐานขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากแรงครู แล้วไม่ได้ อธิษฐานขอแล้วไม่สำเร็จ

บ่อยๆเข้าบางคนก็ถอดใจพาลเป็นไม่เชื่อไปเลย หรืออาจจะไปเผลอปรามาส ลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ยิ่งแย่ขึ้นไปอีก

จนสุดท้ายนอกจากจะหมดความเชื่อ ยังอาจจะเจอกับโทษทัณฑ์ ที่ร้ายแรงที่สุดจากการปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่เรียกว่า "พรหมทัณฑ์"

ที่หากใครต้องโทษนี้ขึ้นมาคำว่า ต้องธรณีสาร นี่ถือว่าเด็กๆไปเลย

หลักของการอธิษฐานขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แรงครู

แน่นอนว่าไม่ต้องบอกก็คงรู้กันว่ามันคือคำว่า ศรัทธา

ศรัทธา แต่ปัญหาหลักๆก็คือหลายๆคนนั้น ยังเข้าไม่ถึงคำว่าศรัทธาจริงๆ

ส่วนใหญ่ของคนปัจจุบันนี้แล้ว มักจะแค่โน้มเอียงไปตามกระแสบอกเล่า คำโฆษณาชวนเชื่อ รีวิว

หรือใครๆบอกว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โน่น ที่นี่ ขออะไรแล้วก็สำเร็จ แล้วก็ได้ตามที่บนขอ

วัตถุมงคลเครื่องรางที่ใครๆบอกกันว่าแขวนแล้วดี แขวนแล้วพบเจอประสบการณ์มากมายก็เชื่อ

และยึดถือเอาตามที่ เขาว่า แล้วก็เดินทางไปกราบไหว้บนบานขอพร หรือเสาะหาวัตถุชิ้นที่ว่า

เอามาครอบครองมาพกแขวน แล้วก็คาดหวังเอาไปว่า เดี๋ยวเราก็คงจะได้ตามที่เขาเล่าว่า

เพราะการเดินทางไปหา เสียเงินเช่าหาบูชามา นั่นคือการแสดงออกถึงคำว่า ศรัทธาของเราแล้ว




ซึ่งอันที่จริงแล้ว มันสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับคำว่าศรัทธา เพราะมันเป็นการเชื่อตามคำเขาว่า

มันไม่ได้เป็นการเชื่อที่มาจากใจของเราเอง ซึ่งผมไม่ต้องบอกหลายๆคนก็คงจะรู้กันอยู่แก่ใจ

ว่าทุกๆครั้งที่คุณเดินทางไปบนบานตามสถานที่ๆเขาบอกว่าศักดิ์สิทธิ์ ของขลังเครื่องรางอะไร ที่เขาบอกว่าดีว่าแรงนั้น

ลึกๆในใจคุณจะมีความกังขาอยู่เสมอว่า มันจะจริงมั้ยวะ?

หากว่าคุณยังมีความรู้สึก หรือคำถามเหล่านี้ เข้ามาในหัวแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว

นั่นแปลว่า คุณยังไม่ได้เข้าถึงศรัทธาอย่างแท้จริง

ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เพราะโดยธรรมชาติ สันดานของมนุษย์นั้น

เราถูกออกแบบมาให้ไม่เชื่องอยู่แล้ว นั่นก็เพราะเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติ ปัญญา

ไม่ได้ใช้ชีวิตตามสัญชาติญาณเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การสงสัยใคร่รู้ การตรึงตรองในเรื่องต่างๆ

คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์เรามีวิวัฒนาการ แล้วสร้างอารยธรรมของเราขึ้นมาเองได้

ความสงสัยเป็นสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใต้สำนัก เหนือสำนึก และในสำนึกของคนเราเป็นเรื่องปรกติ

ความศรัทธา คือความเชื่อโดยปราศจากการลังเล สงสัย จึงเป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว

หากเราเชื่อถือ ศรัทธาไปตามคำบอกเล่าของคนอื่น ดังนั้นก่อนจะศรัทธานับถืออะไร

การจะเข้าถึงศรัทธาอย่างแท้จริง ย่อมต้องผ่านการศึกษา หาข้อมูล และทดลองพิสูจน์

จนประจักษ์ด้วยตัวเราเองเสียก่อน ศรัทธานั้นจึงจะได้แรงกล้า และมีกำลังขึ้นมา

พอที่จะส่งผล หรือเปลี่ยนแปลงใดๆ เกี่ยวกับชะตาชีวิตของเราขึ้นมา



ถ้าเมื่อไหร่ที่ตัวเราเข้าถึงคำว่าศรัทธา อย่างแท้จริง

เมื่อนั้นเราจึงจะสามารถเชื่อมโยง คำขอ คำอธิษฐานของเรา ไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แรงครู แรงคาถาต่างๆได้

การจะได้มาถึงศรัทธา จึงไม่ใช่ของง่าย และไม่ใช่เพียงแค่การสะกดจิตตัวเองว่าเชื่อมั่น

เชื่อโดยปราศจากการลังเล สงสัย


ซึ่งศรัทธากับงมงาย ต่างกันแค่เพียงเส้นบางๆกั้น

แต่ผลของมันตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ต่างจากปรากฎการณ์เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

ใครที่เคยเข้าถึงคำว่าศรัทธาแล้ว ผมก็ยินดีและดีใจด้วย ที่เราคงจะได้พบเจออะไรหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง

ที่อัศจรรย์ใจ บ่อยเสียจน เราไม่คิดว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์ หรือปาฎิหาริย์ใดๆอีกต่อไปแล้ว

หรือต่อเราไม่พบเจอสิ่งอัศจรรย์ใจ หรือปาฎิหาริย์ใดๆอีก

เราก็ไม่เสียความเชื่อมั่น ความเคารพ ความรักของเรา ต่อแรงครู แรงคาถา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆไป

ที่ทางคติฮินดู ถือว่าเป็น ความจงรักภักดีต่อพระเป็นเจ้า ไม่มีสิ่งใดๆมาสั่นคลอนได้

ซึ่งหากเข้าถึงขั้นนี้ได้แล้ว ปาฎิหาริย์ใดๆ ก็ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันอีกต่อไป


ส่วนใครที่ยังเข้าไม่ถึงคำว่า ศรัทธา ก็ขออวยพรให้วันนึงคุณได้เข้าถึงซักวัน

แต่แน่นอนว่า ศรัทธา ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเป็นเพียงบันไดขั้นแรกเท่านั้น

อันที่จริงแล้ว ขุมพลังแห่งศรัทธา ที่จริงแล้วมันก็มาจากคำนี้ คือคำว่า มั่นใจ

ศรัทธา มาคู่กับ ความเชื่อ หากแต่สองสิ่งนี้ไม่ได้อยู่คู่กัน เราต้องเรียกและสร้างมาทีละอย่าง

หลักง่ายๆของการอธิษฐาน ขอพรใดๆจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแรงครู นั่นคือ

ขอ และ เชื่อ เมื่อขอและเชื่อแล้ว มั่นใจ ในสิ่งที่ขอไปแล้วเมื่อนั้นผลของสิ่งที่เราขอจะมา

หาก ขอ แต่ ไม่เชื่อ ขออะไรไป ก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้รับผล

ไม่ขอ และไม่เชื่อ แต่มั่นใจว่าเราเองก็มีความสามารถมากพอ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ก็ได้ผลตามนั้น ดังนั้นหลักใหญ่ใจความสำคัญที่สุด มันคือคำว่า มั่นใจ




คำว่ามั่นใจคำเดียว ก็แทบจะเป็นทุกอย่างของชีวิตมนุษย์ เพราะมั่นใจ มันก็คือกำลังใจ หากแต่มนุษย์เรา

บางครั้งก็ไม่สามารถสร้างความมั่นใจ หรือกำลังใจด้วยตัวเองได้ บางครั้งจึงต้องอาศัย การกระตุ้นจากผู้คน หรือสิ่งอื่นๆ

เพื่อให้ตัวเรามีความมั่นใจ มีกำลังใจขึ้นมา มั่นใจในตัวเอง ว่าเรามีความสามารถมากพอ มั่นใจว่าสิ่งที่เราขอ มีความเป็นไปได้ ถ้าขออะไรแบบ

ลอยลม ไม่หนักแน่นในสิ่งที่ขอมากพอประเภทได้ก็ดี ไม่ได้ก็ช่าง สิ่งนั้นก็ยากที่จะสำเร็จ

ที่มาแห่งคาถาปลุกในวัตถุเครื่องรางทั้งหลาย ที่จริงแล้วไม่ใช่การปลุกวัตถุเครื่องราง แต่คือการปลุก(ความเชื่อมั่น)ตัวเรา

โอมศรีๆ หน้ากูงามคือดั่งพระจันทราธิบดี ตัวกูงามคือดั่งพญาราชสีห์อันทรงศักดิ์ ใครเห็นใครทัก ใครเห็นใครชม

ด้วยกูได้อาคมของพระพุทธเจ้า........เนื้อวรรคบางตอนของมนต์ปลุกวัตถุจำพวกสีผึ้ง น้ำมัน ก่อนใช้ และในอีกหลายๆบท

ที่แทบไม่มีวรรคตอนใด ปลุกวัตถุ ปลุกเครื่องรางเลย

บทสรุปที่ยืดยาวของบทความนี้ หลักใจความสำคัญก็แค่

1.ศรัทธา 2.เชื่อมั่น 3.เดินทางลงมือทำ

ทำได้ครบตามนี้ ไม่ว่าอุปสรรคใดๆ คุณก็ผ่านพ้นมันไปได้


                                                                       ญ.ญาณวุฒิเทวัญ
                                                                     สมิงมนตรามหาเสน่ห์
                                                      สำนักฤษเวทย์ ไสยเวทย์วิทยาและมนตราอีสาน


บทความที่เกี่ยวข้อง
ว่าเรื่อง"ขุนแผน"
ที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับขุนแผน......
8 มิ.ย. 2024
จะภะกะสะ หัวใจยอดคาถาที่คนมองข้าม.....
คนเรียนไสยเวทย์ รุ่นใหม่ๆ มักจะมองข้ามคาถานี้ไป เพราะคิดว่าคาถาง่ายๆ ไม่แปลกใหม่ ทำให้ไม่มีความสนใจทำการศึกษาเท่าไหร่.....
11 ม.ค. 2024
"ห้ามกินของในงานศพ"ข้อถือที่ไม่มีคนรู้เหตุผลที่แท้จริงว่าห้ามเพราะอะไร?
อีกข้อห้ามของคนเล่นของถือวิชา ที่เข้าใจผิดและปฎิบัติกันผิด เพราะไม่รู้ถึงสาเหตุและความหมายที่แท้จริงนั่นคือ "ห้ามกินของในงานศพ".......
11 ม.ค. 2024
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy